Reading Time: 2 minutesแนะนำหมวดหมู่งานเขียน (Content Writing Categories)
เพื่อความเข้าใจร่วมกันของ นักเขียน และลูกค้า
งานเขียนในยุคปัจจุบันมีความหลากหลายและซับซ้อนกว่าที่หลายคนเคยเข้าใจ ไม่ได้มีเพียงแค่นิยายหรือบทความวิชาการ แต่ยังรวมถึงเนื้อหาประเภทต่าง ๆ ที่เราเห็นได้ในทุกแพลตฟอร์ม ทั้งเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย สื่อโฆษณา ไปจนถึงเนื้อหาเชิงกลยุทธ์ที่ใช้ในงานสร้างแบรนด์และการตลาด
บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อแนะนำวิธีการจำแนกหมวดหมู่งานเขียนในหลากหลายมิติอย่างเป็นระบบ ช่วยให้ทุกคนในทีม โดยเฉพาะนักเขียน และผู้ประสานงานคอนเทนต์ สามารถใช้ภาษาร่วมกันในการวางแผนและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกัน ลูกค้าหรือผู้ว่าจ้างที่สนใจในบริการด้านงานเขียนก็สามารถทำความเข้าใจประเภทของเนื้อหาต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะช่วยให้การสื่อสาร ความคาดหวัง และกระบวนการทำงานร่วมกันเป็นไปอย่างราบรื่นยิ่งขึ้น
❂ วิธีแบ่งหมวดหมู่งานเขียน (เลือกใช้ตามบริบท)
✔ 1. แบ่งตาม “ลักษณะทั่วไปของเนื้อหา” (By Content Type)
ใช้เพื่อเข้าใจพื้นฐานของงานเขียนแต่ละแบบ เหมาะกับการเรียนรู้เชิงทฤษฎี
หมวด |
ตัวอย่าง |
เชิงวิชาการ |
รายงานวิจัย, วิทยานิพนธ์ |
เชิงสร้างสรรค์ |
นิยาย, บทกวี, เรื่องแต่ง |
เชิงสารคดี |
สารคดี, บันทึก, ข่าว |
เชิงธุรกิจ |
รายงานประชุม, แผนธุรกิจ |
เชิงการตลาด |
โฆษณา, คำโปรย, SEO content |
✔ 2. แบ่งตาม “เป้าหมายการใช้งานจริง” (By Functional Use)
เหมาะสำหรับการใช้งานในโปรเจกต์จริง ช่วยให้ทีมวาง Workflow และตีราคางานได้แม่นยำ
หมวด |
ตัวอย่าง |
บทความให้ความรู้ |
บทความสุขภาพ, การลงทุน |
รีวิว / เปรียบเทียบ |
รีวิวสินค้า, รีวิวบริการ |
คอนเทนต์โซเชียล |
แคปชั่น, ข้อความบนภาพ |
Copywriting |
หน้า Landing page, โปรโมชัน |
SEO Content |
บทความดันคีย์เวิร์ด |
Storytelling |
เรื่องเล่าประสบการณ์, Branding |
Script / บทพูด |
TikTok, Podcast, สัมภาษณ์ |
สร้างแบรนด์ |
Brand Story, Voice Document |
✔ 3. แบ่งตาม “แพลตฟอร์มที่ใช้” (By Platform)
เหมาะกับทีมคอนเทนต์ที่ต้องวางแผนข้ามช่องทางดิจิทัล
หมวด |
ตัวอย่าง |
Website |
บทความ, หน้าสินค้า |
Facebook |
โพสต์, แคปชั่น, คอมเมนต์ |
Instagram |
แคปชั่น, ข้อความบนภาพ |
YouTube |
สคริปต์, คำบรรยาย |
TikTok |
สคริปต์สั้น, Caption |
Email |
Newsletter, Cold Email |
eBook |
หนังสือสั้น ๆ สำหรับแจก/ขาย |
✔ 4. แบ่งตาม “ระดับความลึกของเนื้อหา” (By Depth / Complexity)
ช่วยให้ประเมินแรงงานและเวลาในการผลิตเนื้อหาได้อย่างเหมาะสม
ระดับ |
ตัวอย่าง |
พื้นฐาน |
แคปชั่น, ข้อความบนภาพ |
กลาง |
บทความ 500–800 คำ, รีวิว |
ลึก |
บทความวิชาการ, สคริปต์รายการ |
เชิงกลยุทธ์ |
Brand Story, Sales Page |
✔ 5. แบ่งตาม “อารมณ์ / โทนเสียง” (By Tone & Emotion)
ใช้เพื่อกำหนดแนวทางการสื่อสารให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย หรือภาพลักษณ์ของแบรนด์
โทนเสียง |
ตัวอย่าง |
เป็นทางการ |
บทความวิชาการ, เอกสารราชการ |
เป็นกันเอง |
โพสต์เล่าเรื่อง, แบรนด์เล็ก |
ขำ ๆ / กวน |
แคปชั่นวัยรุ่น, Meme |
จริงจัง |
บทวิจารณ์, สารคดีลึก |
ดราม่า |
Storytelling สายอารมณ์ |
สร้างแรงบันดาลใจ |
คำคม, บทความพลังใจ |
✔ 6. แบ่งตาม “แหล่งที่มาของเนื้อหา” (By Content Source)
เหมาะกับการวางแผนรีเสิร์ช หรือเลือกนักเขียนให้ตรงความถนัด
หมวด |
ตัวอย่าง |
เขียนจากประสบการณ์ |
เรื่องเล่า, รีวิวใช้จริง |
เขียนจากการรีเสิร์ช |
บทความวิชาการ, SEO content |
เขียนจากคำบอกเล่า |
สัมภาษณ์, Podcast |
เขียนจากจินตนาการ |
นิยาย, บทละคร |
✔ 7. แบ่งตาม “วัตถุประสงค์ของผู้ว่าจ้าง” (By Client Objective)
ใช้กำหนดเป้าหมายร่วมกันระหว่างทีมและลูกค้าได้ชัดเจน
หมวด |
เป้าหมายลูกค้า |
เพิ่มทราฟฟิก |
SEO content, บทความคุณภาพ |
เพิ่มยอดขาย |
Landing Page, Copywriting |
สร้างแบรนด์ |
Storytelling, Brand Voice |
สื่อสารองค์กร |
แผนธุรกิจ, รายงานบริษัท |
ทำคอร์ส / ถ่ายทอดความรู้ |
eBook, สคริปต์คอร์ส |
★ ทำไมต้องรู้จักการแบ่งหมวดหมู่งานเขียน?
- ✔ ช่วยให้ ทีมงานใช้ภาษาเดียวกัน เข้าใจตรงกันทุกบทบาท
- ✔ ใช้ในการ กำหนดราคาที่เป็นธรรม ตามต้นทุนและคุณค่า
- ✔ สร้างความเข้าใจกับ ลูกค้าใหม่ ว่างานเขียนหนึ่งชิ้น กว่าจะออกมาได้อย่างครบถ้วนและมีคุณภาพนั้น ต้องผ่านหลายขั้นตอน ทั้งการวางโครงเรื่อง การหาข้อมูล การเขียน การปรับแก้ และการตรวจทาน จึงไม่ใช่เพียงแค่การพิมพ์ข้อความให้จบ แต่เป็นกระบวนการที่ต้องใช้ทั้งเวลา ความใส่ใจ และความเชี่ยวชาญ
- ✔ ช่วยลดความคลาดเคลื่อนในการประเมินมูลค่างาน โดยเฉพาะในกรณีที่อาจมีการเข้าใจผิดว่างานเขียนบางประเภทดูเหมือนจะง่ายหรือใช้เวลาไม่นาน ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว ต้องอาศัยการวางแผนอย่างรอบคอบ การค้นคว้าข้อมูลอย่างเป็นระบบ รวมถึงการแก้ไขและตรวจทานหลายรอบ เพื่อให้ผลงานออกมาตรงความต้องการและมีคุณภาพสูงที่สุด
สรุป:
การทำความเข้าใจหมวดหมู่ของงานเขียน ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของการจัดระเบียบความรู้เท่านั้น แต่ยังเป็นพื้นฐานสำคัญที่ช่วยให้การทำงานร่วมกันเป็นไปอย่างราบรื่น ทั้งใน ทีมคอนเทนต์ และระหว่างนักเขียนกับลูกค้า
ยิ่งเข้าใจบทบาทของงานเขียนแต่ละประเภทมากเท่าใด ก็ยิ่งสามารถออกแบบกระบวนการทำงานที่เหมาะสม ตีราคางานได้อย่างสมเหตุสมผล และสร้างผลงานที่มีคุณภาพตรงความต้องการของผู้ว่าจ้างได้ดียิ่งขึ้น
Leave Your Comment