ไม่มีใครเริ่ม… ไม่มีใครพูด
แต่ความรู้สึกบางอย่างกลับแทรกเข้ามาเงียบ ๆ
อยู่ดี ๆ ก็เผลอใจไป ทั้งที่ไม่มีอะไรชัดเจนเลย
“ไม่ใช่ทุกเรื่องจะเริ่มต้นด้วยความประทับใจ —
บางเรื่อง… เริ่มจากความรู้สึกอยากหายไปให้พ้น”
ครั้งแรกที่เจอกัน ฉันไม่ประทับใจเขาเลย
เขาเบรกฉัน ขณะที่ฉันกำลังอธิบายอยู่ — คำพูด แข็ง ห้วน เย็นชา ไร้ความรู้สึก
เหมือนอาจารย์โหดๆ ที่ชอบดุนักศึกษาเลย — ฉันไม่ชอบคนดุ
ฉันจำไม่ได้ว่า เจอคนที่อยู่ในโหมดดุครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่
และไม่แน่ใจว่า จะเคยมีใครเบรกฉันได้แรงขนาดนี้มาก่อน
แต่ก็พอเข้าใจได้ ด้วยอาชีพและหน้าที่ของเขา
บุคลิก และคำพูดแบบนี้ ถือว่าธรรมดา เป็นแพทเทิร์นปกติที่พบได้ทั่วไป
แต่สำหรับฉัน…
เข้าใจ แต่ไม่ได้ชอบ 😬 ถ้าเลี่ยงได้ ก็ไม่อยากอยู่ใกล้
ฉันชอบคนที่สุภาพ อ่อนโยน ดูอบอุ่น มันช่วยให้สมองแจ่มใส ดีต่อใจมากกว่า
ความรู้สึกฉันตอนนี้ คือ อยากหายตัวไปที่อื่น ครั้งเดียวพอ ไม่ประทับใจ ไม่มาอีกแล้ว
เขาอาจรู้สึกได้… ว่าฉันรู้สึกไม่ดี จากการที่เขาพยายามพูดเล่น — ซึ่งก็ไม่ได้ช่วยอะไร
ฉันไม่รู้สึกอยากเล่นด้วย จากภาพคนดุของเขา ที่ยังค้างอยู่ในสมอง
นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ฉันไม่ประทับใจเขาในครั้งแรก
และสิ่งที่ช่วยย้ำความชัดเจนให้ความรู้สึก คือสิ่งที่เกิดขึ้นในเวลาต่อมา
นอกจากเบรกฉันแล้ว เขายังถามคำถามยากกับฉันอีก
รวมกันแล้ว คิดว่า… ฉันกับเขาไม่น่าจะคุยกันได้ยาว
พายุเจ้ากรรมลูกไหนนะ ที่เหวี่ยงฉันให้มาเจอเขา
เขาถามฉันว่า — “นอนหมอนกี่ใบ?”
ฉันคิดว่าเขาคงอยากรู้ว่า ฉันนอนหัวสูงกี่องศา
แต่ฉันตอบไม่ได้ เพราะหมอนบนเตียง มีประมาณ 10 ใบ
แต่ละประเภท ความสูงไม่เท่ากัน ไม่สามารถใช้เทียบขนาดความสูงกับหมอนปกติได้
เช่น ขนเป็ด ขนห่าน เมมโมรี่โฟม มีการยุบตัวต่างกัน
ถ้าฉันบอกแต่จำนวน โดยไม่บอกประเภทหมอน เขาอาจคำนวณผิด แล้วแปลผลผิด
“เขาอยากได้ยินแค่ตัวเลข —
แต่ฉันกลับคิดว่าการบอกตัวเลขอย่างเดียวไม่ปลอดภัย”
มันเป็นคำถามที่ยากสำหรับฉัน เขาอยากได้ยินแค่จำนวน คือให้ฉันตอบแค่ตัวเลข
ฉันกลับคิดว่าการบอกตัวเลขอย่างเดียวไม่ปลอดภัย ต้องอธิบายเพิ่ม
แต่ฉันเพิ่งถูกเขาเบรกไปเมื่อตอนแรก ก็เลยไม่อยากพูดในสิ่งที่เขาไม่ได้ถาม
สรุป ฉันก็เลือกที่จะไม่ตอบอะไรเลย — เพราะไม่รู้จะตอบยังไงให้เข้าใจง่าย
และไม่ทำให้เขาหงุดหงิดเพิ่ม
อีกอย่าง การจัดหมอนของฉันก็ไม่ได้วางในแนวตั้งอย่างเดียว
ยังมีหมอนที่วางเอียงเพื่อเติมจุดบอดบางจุดให้รู้สึกสบายขึ้น
เพราะฉันมีปัญหาเรื่องปวดคอบ่าไหล่ จึงต้องมีหมอนมากกว่าปกติ
ฉันอยากบอกเขาว่า ฉันนอนหัวสูง 45-60 องศา
ถ้าเขาถามว่า “นอนหัวสูงกี่องศา” ชีวิตฉันจะง่ายกว่านี้
ก่อนหน้าก็ชวนกันหงุดหงิดไปรอบหนึ่งแล้ว
ยังจะตามมาด้วย คำถามที่น่าปวดหัวอีก เป็นเหตุผลที่ฉันไม่ประทับใจเขาเลย
ฉันเริ่มคิดว่า…
“หรือเราสองคนจะเคยมีเวรกรรมต่อกันในชาติที่แล้ว?”
ถึงได้ทำเรื่องง่าย ๆ ให้กลายเป็นเรื่องยากได้เก่งขนาดนี้
ทีแรกคิดว่าจะไม่ไปเจอเขาอีกแล้ว แต่ฟ้าดินไม่เป็นใจ
ฉันได้ ข้อมูลใหม่ ที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก
ตอนนั้นฉันมองไม่เห็นตัวเลือกที่ดีกว่า
คิดว่าเขาเก่งที่สุดในพื้นที่ ก็เลยต้องยอมอดทนกลับไป
ท่องไว้ว่า จะพูดสั้นๆ ก็พอ
การเจอกันครั้งที่ 2 — ไม่ได้มีอะไรน่าตื่นเต้น
ไม่ได้มีอะไรชวนให้รู้สึกดีเป็นพิเศษ
แต่…ก็ไม่ได้รู้สึกแย่เท่าครั้งแรก
แค่ยังคงรู้สึกว่า
เขา… เป็นคนที่ถามอะไรยากสำหรับฉันตลอดเลย
บางคำถามอาจง่ายสำหรับหลายคน
แต่สำหรับฉัน… มันไม่เคยง่าย
คราวนี้ เขาถามฉันว่า
“ทำงานที่ไหนอะ?”
ฉันตอบ “ชื่อจังหวัด” ออกไป
สิ่งที่ตามมาคือเสียง “อื้มมม…” (เหมือนเสียงคำรามบางอย่าง ที่ไม่ใช่การตอบรับธรรมดา)
ตามมาด้วยการทวนคำตอบ… “จังหวัดนี้นะ?”
ฉันก็ตอบว่า “ค่ะ”
ฉันไม่ได้ตั้งใจจะกวนเขา… ฉันแค่ตอบตามแบบของฉัน
แต่ก็คิดในใจว่า “ฉันพูดอะไรผิดไปรึเปล่า” ไอ้เสียงคำรามนี่คืออะไร
-ไม่พอใจ ขัดใจ หงุดหงิด
-ระอากับคำตอบของฉัน
-หรือกำลังขำกับโชคชะตาของตัวเอง เหมือนฉัน แบบ “ห๊ะ ตอบแบบนี้จริงเหรอ?”
“ทำไมเขาต้องคอยถามคำถามที่มันตอบยากด้วยนะ”
ถ้าเป็นคนทั่วไป สิ่งที่เป็นไปได้ที่น่าจะทำต่อ ก็เช่น
1. กรณีถามตามมารยาท ไม่ให้บรรยากาศเงียบ – คำตอบจะเป็นอะไรก็ได้ คนถามไม่ได้สนใจอยู่แล้ว ตอบอะไรก็ได้ แล้วจบไป
หรืออยากรู้แต่ไม่มาก คิดว่าถ้าคนตอบไม่อยากตอบ ก็ผ่านไป ไม่ได้รู้สึกอะไร
2. สำหรับผู้ที่อยากรู้จริงๆ อาจจะถามต่อว่า “หมายถึง องค์กร/สถานที่/สำนักงาน”
แต่เขาก็ไม่ได้ทำทั้งสองแบบ
ไม่ถามต่อ… ไม่เฉลยความหมาย…
แล้วจะให้ฉันตอบยังไงล่ะ ในเมื่อ …
ฉันไม่เคยอยู่ในกรอบการทำงานแบบเดิม ๆ
ไม่ได้มีออฟฟิศที่ต้องเข้า-ออกทุกวัน
ไม่ได้มีตารางงานแบบใครหลายคน
ฉันมาที่นี่ เพราะรับทำโปรเจกต์ของลูกค้ารายหนึ่ง
ฉันย้ายไปเรื่อย ๆ ตามโปรเจกต์ของลูกค้า ที่ต้องไปหน้างานด้วยตนเอง
ฉันทำหลายโปรเจกต์ ทั้งของตัวเอง ของลูกค้า และที่เป็นพาร์ทเนอร์
มีทั้งงานออนไลน์ ออฟไลน์ ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาและความเหมาะสม
บางทีก็นั่งทำงานอยู่ที่บ้าน
บางทีก็อยู่ที่ไซต์งานของลูกค้า
บางทีก็เปลี่ยนเมือง เปลี่ยนจังหวัด
มันเป็นคำถามที่ดูเหมือนง่าย แต่ตอบยาก
และไม่ใช่แค่เขาคนเดียวที่ถามฉันแบบนี้
“ทำงานที่ไหนอะ ?”
ถ้าหมายถึง โต๊ะนั่งทำงาน ที่นั่งบ่อยสุด คำตอบคือ พิกัดที่บ้าน ในจังหวัดนี้
ถ้าหมายถึง โปรเจกต์ที่ทำให้เราต้องย้ายมาที่จังหวัดนี้ ก็อาจหมายถึง สำนักงานลูกค้าเจ้าของโปรเจกต์
ถ้าหมายถึง สำนักงานฉัน คำตอบคือ กรุงเทพ
ถ้าหมายถึง งานที่ทำทุกวัน คำตอบคือ ทั่วโลก
ไม่ได้มีคำตอบเดียว
บางคนอาจคิดว่า คำตอบกว้าง กำกวม ไม่แน่ใจ
แต่สำหรับฉัน มันคือความจริงที่ฉันเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา
ถ้าให้ตอบแบบสั้นและตรงที่สุด
ก็คงเป็น
“ฉันทำงานทุกที่ ที่มีอินเทอร์เน็ต”
แต่ถ้าฉันตอบเขาไปแบบนั้น…
ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะได้ยินแค่เสียงคำราม
หรืออาจต้องมาเผชิญอะไรบางอย่าง ที่ฉันยังไม่พร้อมจะรับมือ
แต่แล้ว… การเจอกันครั้งที่3
ฉันเห็นแววตาที่อ่อนโยนของเขา — เหมือนแววตาของแม่ฉัน
เหมือนตอนเข้าไปหาแม่… ไม่ว่าแม่จะยุ่งแค่ไหน ก็จะเปลี่ยนมาคุยกับฉันด้วยเสียงนุ่ม ๆ ทันที
และเขา… ก็เป็นแบบนั้น — น้ำเสียงละมุน แววตาเหมือนคนใกล้ชิดที่รู้จักกันมานาน
แตกต่างจากการเจอกันครั้งแรกโดยสิ้นเชิง
ครั้งนี้… บรรยากาศเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
ตั้งแต่เปิดประตูเข้ามา ฉันก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง
เขานั่งอยู่ตรงนั้น — สีหน้า ท่าทาง แววตา ดูอารมณ์ดีอย่างแปลกประหลาด
…อบอุ่น อ่อนโยน กว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
และมันดูคล้ายกับว่า… เขากำลังเตรียมตัวสัมภาษณ์ฉันอยู่
ซึ่งสุดท้าย มันก็กลายเป็นแบบนั้นจริง ๆ
ครั้งนี้เราคุยกันมากขึ้น ได้เห็นแง่มุมอื่น ๆ ของเขามากกว่าเดิม
เช่น การดูแลทีม ซึ่งเป็นเรื่องที่ฉันมีปัญหาสะสมมาโดยตลอด
แม้จะเป็นคำแนะนำสั้นๆ ไม่ซับซ้อนอะไร
แต่ก็ทำให้ฉันคิดว่า เขาน่าจะเป็นคนที่ดูแลทีมได้ดี คนหนึ่งทีเดียว
มีบางช่วงที่เราต้องก้มลงดูเอกสารแผ่นเดียวกัน
หัวของเราก็เลยใกล้กันกว่าที่เคย — และพอเงยหน้าขึ้นมาในจังหวะเดียวกัน…
ระยะห่างระหว่างเรามันใกล้มาก… จนฉันเขินแบบบอกไม่ถูก
ไม่เคยรู้สึกอะไรแบบนี้มาก่อนเลย
บ้าจริง… นี่ฉันเป็นอะไรไปนะ?
มันเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ แค่ไม่กี่นาที
แต่กลับทำให้ฉันมีความสุขอย่างประหลาด
ความสุขที่ไม่ได้เกิดจากคำพูดหวาน ๆ หรือการกระทำอะไรชัดเจน
แค่การได้คุย ได้สบตา ได้อยู่ในจังหวะเดียวกัน…
แค่นั้น ก็ทำให้รู้สึกอบอุ่น ในส่วนลึกของใจได้
ฉันอมยิ้มในใจตลอดเวลา
ทั้งที่ก่อนหน้า ฉันไม่โอเคกับเขาเอาซะเลย
แต่แววตาของเขาในวันนี้…
มันเปลี่ยนทุกอย่าง
เปลี่ยนความรู้สึก
เปลี่ยนความคิดที่เคยมี
เหมือนเขาปล่อยลำแสงบางอย่างออกมา…
และฉันก็รับมันไว้โดยไม่รู้ตัว
จากตอนแรก เขาทำให้ฉันนึกถึงพ่อ — คนดุที่สุดในชีวิตฉัน
มาถึงตอนนี้ แววตาของเขา กลับพาให้ฉันรู้สึกถึงแม่ — คนที่อบอุ่นและอ่อนโยน
นี่คงเป็นจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ที่ทำให้ความรู้สึกของฉันเปลี่ยนไป
เหมือนเขา “ทำการบ้าน” มาก่อน
เขาคุยเรื่องที่ฉันรู้ — เข้าใจว่าฉันสนใจอะไร
เหมือน… เขาอยากให้รู้ว่า “เราเหมือนกันนะ”
เช่น การคุยเรื่อง การเงิน การลงทุน หุ้น ที่ฉันทำโปรเจกต์อยู่
“อืมม…ข้อมูลพวกนี้ ถ้าไม่บังเอิญ ก็ต้องตั้งใจหามา แต่คิดว่าไม่ได้บังเอิญนะ”
ฉันก็แค่ฟัง และยิ้มเบา ๆ ตามบทของฉัน… ไม่ได้มีอะไรที่ต้องพูดมากกว่านั้น
และฉันก็ไม่ลืมว่า เขาไม่ชอบให้ใครพูดมากเกินไป
“…บางที ตอนที่ฉันยิ้มเบา ๆ นั่นแหละ อาจเป็นช่วงที่เผลอใจ โดยไม่รู้ตัว”
ก็แปลกดีนะ… ทั้งที่ไม่ได้คุยอะไรกันมากนัก
แต่การเจอกันครั้งล่าสุด กลับเป็นครั้งแรก
ที่ทำให้ฉันรู้สึกว่า — ฉันอยากรู้จักเขามากกว่านี้
อีกใจหนึ่ง ก็คิดว่า
เป็นเทคนิคที่ใช้ในการเข้าถึงลูกค้า ตามปกติของเขาอยู่แล้ว
ฉันไม่แน่ใจ… ว่าเขาคิดอะไรอยู่
แต่ฉันรู้ตัวว่า ฉัน…เริ่มมองเขาไม่เหมือนเดิม
“…และนั่นคือ จุดที่ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไป”
ไม่ว่าคุณจะเป็นฟรีแลนซ์ที่มองหาช่องทางสร้างรายได้ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่ต้องการโปรโมทแบรนด์ หรือเจ้าของธุรกิจที่ต้องการเพิ่มยอดขายด้วยคอนเทนต์คุณภาพ XRPro พร้อมเป็นพันธมิตรในการสร้างความสำเร็จ! ร่วมสร้างโอกาสใหม่และเติบโตไปด้วยกันได้ทันที.
Copyright 2024 © Powered By Qii, All Rights Reserved.
Leave Your Comment